สพฐ.จับมือกสศ. ขยายกลุ่มเป้าหมายดูแลนักเรียนยากจน เติมเต็มลดความเหลื่อมล้ำ - Siam Highlight

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Responsive Ads Here

Tuesday, September 8, 2020

สพฐ.จับมือกสศ. ขยายกลุ่มเป้าหมายดูแลนักเรียนยากจน เติมเต็มลดความเหลื่อมล้ำ


สพฐ.ร่วมกับ กสศ. เติมเต็มลดความเหลื่อมล้ำ ขยายกลุ่มเป้าหมายดูแลนักเรียนยากจน ครอบคลุม เด็กพิการ ด้อยโอกาสทุกประเภท ตั้งแต่ระดับอนุบาล– ม.ต้น ทั่วประเทศ ชูบทบาทเขตพื้นที่ช่วยติดตามไม่ให้มีเด็กคนไหนตกหล่น พร้อมลดภาระงานครูด้วยการบูรณาการปฏิทินและระบบสารสนเทศให้ครูเยี่ยมบ้านและคัดกรองความยากจนได้พร้อมกันในระบบเดียว

    เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2563 ที่ห้องประชุมกมลทิพย์ 1 โรงแรมเดอะสุโกศล กรุงเทพฯ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาหน่วยสนับสนุน “CCT MONITOR” ภายใต้โครงการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษแบบมีเงื่อนไข พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เพื่อบูรณาการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนในสถานศึกษาสังกัด สพฐ. ช่วยเหลือนักเรียนยากจน นักเรียนพิการหรือด้อยโอกาส ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา และผู้แทนจาก 40 เขต เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้


    นายกวินทร์เกียรติ นนธ์พละ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า ความยากจนเป็นปัญหาหลักที่ทำให้เด็กต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา เป็นความโชคดีที่มีหน่วยงาน กสศ. เกิดขึ้นเป็นเพื่อนร่วมดำเนินงานของ สพฐ. เข้ามาช่วยเติมเต็ม และยังทำงานเสมือนการถมบ่อให้พื้นดินเสมอกัน การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเป็นภารกิจที่ต้องการผู้รับผิดชอบโดยเฉพาะ เพราะเป็นงานที่ใหญ่และยาก เนื่องจากเด็กยากจนด้อยโอกาส ไม่ได้อยู่แค่ในชนบท แม้แต่ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานครก็ยังมีเด็กกลุ่มนี้อยู่ แต่การค้นหาก็ยากลำบาก ดังนั้นหาก สพฐ. ทำเองทุกเรื่องก็น่าจะไม่ครอบคลุม เพราะแค่ภารกิจหลักด้านการจัดการศึกษาอย่างเดียวก็หนักแล้ว ดังนั้นการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการยืนยันว่า สพฐ.และกสศ. จะเป็นเพื่อนร่วมทางพัฒนาเด็กยากจนด้อยโอกาสในทุกมิติ ทั้งการเรียนและคุณภาพชีวิต สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม ครอบคลุมถึงเด็กพิเศษ เด็กพิการ ได้มีโอกาสเท่าเทียมกับเด็กที่มีความพร้อมทางสังคมและเศรษฐกิจ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างมีคุณภาพ พร้อมที่จะเติบโตไปดูแลบ้านเมืองในอนาคต 


     นายกวินทร์เกียรติ กล่าวว่า หน่วยงานใดที่มีข้อมูลครบถ้วนและครอบคลุมจะเป็นองค์กรที่มีคุณภาพสูง เพราะข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินนโยบายและแก้ไขปัญหา สพฐ.และกสศ.ขอขอบคุณครู ผู้อำนวยการโรงเรียนทั่วประเทศ และเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่ง ที่ร่วมสนับสนุนโครงการจัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไข เพื่อช่วยเหลือนักเรียนยากจนและยากจนพิเศษ อย่างต่อเนื่องและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ สพฐ. มีเครื่องมือการคัดกรองสำหรับจัดสรรเงินอุดหนุนปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจน และได้รับงบประมาณเพิ่มเติมจาก กสศ. ให้แก่นักเรียนยากจนพิเศษ รวมถึงมีระบบสารสนเทศเพื่อติดตามการมาเรียนและการเจริญเติบโตของนักเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้นักเรียนยากจนและยากจนพิเศษหลุดออกจากระบบการศึกษา โครงการจัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไข เริ่มดำเนินงานได้เพียง 2 ปี ยังมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการสนับสนุนจากเขตพื้นที่การศึกษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในการช่วยเหลือนักเรียนยากจนทุกมิติ

    “โครงการนี้นับว่าประสบความสำเร็จในการปฏิรูปการจัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา แต่นักเรียนกลุ่มนี้ก็ยังมีความเสี่ยงด้านอื่นๆ เช่น สุขภาพ การเรียนรู้ พฤติกรรม เป็นต้น อาจเป็นปัจจัยทำให้นักเรียนหลุดออกจากระบบการศึกษา ดังนั้น สพฐ. และ กสศ.จึงได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ เพื่อบูรณาการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนในสถานศึกษาสังกัด สพฐ. ครอบคลุมนักเรียนพิการหรือด้อยโอกาส ที่สอดคล้องกับการพัฒนาตามศักยภาพเป็นรายบุคคลต่อไป” รองเลขาธิการ สพฐ. กล่าว


    ทางด้าน ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า สพฐ. เป็นหน่วยงานต้นสังกัดที่จัดการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เด็กนักเรียนตั้งแต่อนุบาล – มัยธยมปลาย ร้อยละ 70–80 อยู่ในการดูแลของ สพฐ. ซึ่งโรงเรียนในสังกัด สพฐ. ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร เราจำเป็นต้องมีการทำงานร่วมกับ สพฐ. อย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะสามารถอุดช่องโหว่ทางการศึกษาของครอบครัวที่ยังเข้าไม่ถึง ให้ได้รับการเติมเต็ม แต่การลงนามบันทึกความร่วมมือฉบับนี้จะทำให้ กสศ. มีโอกาสขยายผลการช่วยเหลือเข้าไปถึงโรงเรียนในสังกัด สพฐ. เพิ่มขึ้นในส่วนของโรงเรียนสังกัดสำนักบริหารการศึกษาพิเศษ สพฐ. เช่น โรงเรียนเด็กด้อยโอกาสประเภทพิการ หรือกำพร้าพ่อแม่ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ศึกษาสงเคราะห์ ที่เป็นโรงเรียนกินนอน โรงเรียนคนพิการรวมถึงศูนย์การศึกษาพิเศษ ที่อยู่ตามจังหวัดต่างๆ ทำให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เพิ่มอีกประมาณ 1-2 แสนคน


    “กสศ.ขอขอบคุณความทุ่มเทตั้งใจของครูทั่วประเทศมากกว่า 400,000 คน ใน 225 เขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศที่ลงพื้นที่เยี่ยมบ้าน คัดกรองนักเรียนเข้ามา รวมถึงเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศที่ช่วยกระตุ้นให้สถานศึกษาต่างๆ ให้ความร่วมมือในการกรอกข้อมูลเข้ามามากขึ้น คุณครู และผู้บริหารสถานศึกษาเหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้โครงการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษแบบมีเงื่อนไข หรือทุนเสมอภาคไปถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริงและประสบความสำเร็จ ซึ่งประโยชน์นี้จะเกิดแก่นักเรียนยากจนพิเศษทุกคน เพราะกสศ.ไม่สามารถดำเนินการได้เพียงลำพังต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ เหมือนเช่นเขตพื้นที่การศึกษา ที่เข้ามาสนับสนุนการทำงาน ให้ความสำคัญกับคัดกรองข้อมูล/บันทึกข้อมูลนักเรียนยากจนให้ครบถ้วน และทันเวลา ติดตามการใช้จ่ายเงิน การมาเรียนการดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างเป็นระบบ ที่สำคัญยังเป็นการช่วยเหลือเด็กนักเรียนยากจนด้อยโอกาสไม่ให้นักเรียนเสียสิทธิ์การรับทุนอีกด้วย ถือเป็นพลังสำคัญของการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา” ดร.ไกรยส กล่าว ​

    ดร.ไกรยส กล่าวเพิ่มเติมว่า กสศ. ได้บูรณาการระบบการเยี่ยมบ้านและการคัดกรองนักเรียนยากจนร่วมกันด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย เพื่อส่งเสริมการดูแลช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายจนสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อป้องกันการหลุดออกจากระบบการศึกษา รวมทั้งลดเวลาการทำงานเอกสารของคุณครูทุกคนเพื่อคืนเวลาให้คุณครูทุกคนกลับสู่ห้องเรียนได้มากขึ้น ซึ่งการดำเนินงานตรงนี้เราได้มาจากข้อคิดเห็นของพื้นที่และครูที่ทำงานร่วมกันกับ กสศ. มาตลอด 2 ปี เบื้องต้นได้นำร่องใช้ใน 8 เขตพื้นที่การศึกษา 10 จังหวัด จากนั้นจะมีการนำข้อคิดเห็นมาปรับปรุงและพัฒนา ก่อนที่จะขยายผลไปใช้ในสถานศึกษาทั่วประเทศต่อไปในอนาคต 


 

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad

Responsive Ads Here

Pages