คุณฮาริส มาศชาย หัวหน้าศูนย์สื่อสารเด็กไทย ได้กล่าวถึงที่มาของกิจกรรมนี้ว่า หลักสูตรนี้เรานำประสบการณ์การทำงานด้านสื่อมาพัฒนาเป็นกระบวนการกิจกรรม เป้าหมายสำคัญคือการพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้เป็น 'นักสื่อสารสุขภาวะ' เพื่อนำไปสู่การสื่อสารเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคม วันนี้นอกจากเราจะฝึกกระบวนการคิดและการสร้างสรรค์สื่อที่ดีมีคุณภาพให้กับพวกเขาแล้ว เรายังเน้นเรื่องของการสร้างความมั่นคงภายในจิตใจให้เขาด้วย เพราะก่อนที่เขาจะเป็นนักสื่อสารที่ดีได้ สิ่งสำคัญคือเขาต้องเห็นคุณค่าในตัวเองก่อน จากนั้นกลุ่มคนรุ่นใหม่นี้ก็จะสามารถเป็นไอดอลเพื่อสร้างและส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนรอบข้างได้ ซึ่งปีนี้ 'คิดดีไอดอล' เราเดินทางมาถึงปีที่ 4 แล้ว ที่ผ่านมาเรามีคนรุ่นใหม่มากมายจากโครงการนี้ ที่ได้นำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปสื่อสารเพื่อเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น แม้จะยังไม่เห็นผลร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็เป็นการเริ่มต้นจุดประกายเรื่องดีๆ ให้เกิดขึ้นในสังคม
เวทีพัฒนาศักยภาพคนรุ่นใหม่ คิดดีไอดอลครั้งที่ 4 มีวิทยากรมาช่วยกันปลุกพลังและสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สื่อให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่มากมายหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็น คุณธีรเดช งามเหลือ ผู้ประกาศข่าวจาก ThaiPBS, คุณภัทรจารีย์ หรือ น้านิต ผึ้งน้อย, คุณโตมร อภิวัทนากร ผู้อำนวยการกลุ่มมานีมานะ และทีมศิษย์เก่าคิดดีไอดอลปี 1-3 ที่กลับมาแชร์ประสบการณ์ดีๆ แบ่งปันให้กับน้องๆ รุ่นใหม่อีกด้วย
ขณะที่ คุณธีรเดช งามเหลือ ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ Thai PBS หนึ่งในวิทยากรที่ได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์คนทำสื่อให้กับเยาวชน ได้กล่าวว่า “ผมในฐานะคนทำสื่อทีวีและสื่อออนไลน์ของ Thai PBS เราถูกปลูกฝังให้ทำหน้าที่สื่อสารสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ยิ่งในสถานการณ์ตอนนี้ข่าวลวง ข่าวปลอม เกิดขึ้นมากในทุกช่องทาง การสร้างนักสื่อสารที่มีจริยธรรมสื่อเป็นสิ่งสำคัญ มีความรับผิดชอบและมีความจริงใจในการผลิตสื่อที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม วันนี้เราหวังว่าเด็กรุ่นใหม่จะลุกขึ้นมาเป็นนักสื่อสารที่นำเสนอข้อเท็จจริงอย่างสร้างสรรค์ เพราะถ้าสื่อที่เราสื่อสารไปทำให้คนดูได้ประโยชน์ มันคือความสุข ผมอยากให้น้อง ๆ มีความสุขแบบนั้น”
ในส่วนของคิดดีไอดอลรุ่นพี่อย่าง ว่าที่ ร.ต. ปิยะพัทย์ รักนุกูล ประธานคิดดีไอดอล รุ่น 1 เยาวชนคิดสร้างสรรค์นำสื่อหนังตะลุงและเพลงบอกพื้นบ้านมาสร้างความตระหนักเรื่อง ‘การเสพมือถืออย่างพอดี’ ได้กล่าวถึงประสบการณ์ดีๆ ที่ได้จากโครงการว่า “นอกจากการได้ฝึกคิด ทำ สร้างสรรค์สื่อเพื่อนำไปสื่อสารในพื้นที่แล้ว เรายังได้เรียนรู้ถึงทักษะการแก้ไขปัญหา เพื่อให้การรณรงค์ของเราบรรลุผลลัพธ์ นี่คือการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่โครงการให้เรา อาจกล่าวได้ว่าสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากโครงการนี้ คือใบเบิกทางเพื่อให้เราก้าวไปสู่การ นักสื่อสารมืออาชีพได้ในอนาคต”
No comments:
Post a Comment