นายกรัฐมนตรี ประชุมหารือแนวทางความร่วมมือ การจัดหาวัคซีนระหว่างภาครัฐและเอกชน เห็นชอบแนวทางความร่วมมือการจัดหาวัคซีน 4 ด้าน ภาคเอกชนเผยพร้อมสนับสนุนการทำงานภาครัฐ กระจายวัคซีน-จัดสถานที่ฉีดวัคซีน ให้ครอบคลุมประชาชน 50 ล้านคนตามเป้าหมาย
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2564 ที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พร้อมด้วย นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุมหารือแนวทางความร่วมมือการจัดหาวัคซีนระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายดนุชา เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ที่จะมีวัคซีนเข้ามาเพิ่มเติมตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป โดยภาคเอกชนจะมีส่วนในการช่วยเหลือภาครัฐกระจายวัคซีนและจัดสถานที่สำหรับฉีดวัคซีนเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ที่จะฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชน 50 ล้านคน โดยที่ประชุมได้เห็นชอบแนวทางความร่วมมือการจัดหาวัคซีนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน 4 ด้าน ด้านที่ 1 คือ ด้านการกระจายและฉีดวัคซีน โดยใช้กลไกการทำงานของภาคเอกชนในการจัดสถานที่ฉีดวัคซีนและกระจายวัคซีนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และสำหรับพื้นที่ต่างจังหวัดจะดำเนินการผ่านกลไกคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) จังหวัดและกลุ่มจังหวัด พร้อมร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทยสำหรับการจัดเตรียมสถานที่และกระจายวัคซีน รวมถึงอุปกรณ์และบุคลากรที่จะเข้ามาช่วยปฏิบัติงานในจุดต่าง ๆ
ด้านที่ 2 คือ ด้านการสร้างความเชื่อมั่นและประชาสัมพันธ์ โดยภาคเอกชนจะมีส่วนช่วยในการประชาสัมพันธ์เรื่องการจัดหาและบริหารวัคซีน และสร้างความรับรู้แก่ประชาชนเรื่องการฉีดวัคซีนเพื่อให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ด้านที่ 3 คือ ด้านการสนับสนุนระบบอำนวยความสะดวกระบบงานต่าง ๆ โดยแอปพลิเคชันลงทะเบียนการฉีดวัคซีน “หมอพร้อม” ภาคเอกชนจะมีส่วนในการสนับสนุนระบบเพิ่มเติมระหว่างการลงทะเบียนและการฉีดวัคซีน และด้านที่ 4 คือ ด้านการจัดหาวัดซีนเพิ่มเติม ให้กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และองค์การเภสัชกรรมพิจารณาแนวทางการผ่อนคลายกระบวนการพิจารณาอนุญาตให้ใช้วัคซีนสำหรับกลุ่มเป้าหมาย ที่อยู่ระหว่างประเมินข้อมูลประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนเป็นกรณีฉุกเฉิน (Emergency Use Authority : EVA) เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นผู้รับผิดชอบในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชน เพื่อจัดทำแผนการกระจายวัคซีนและเตรียมความพร้อมสถานที่ฉีดวัคซีน และประสานงานในรายละเอียดให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในวันนี้ภาคเอกชนได้มีการเสนอ ในเรื่องต่าง ๆ 4 เรื่อง ได้แก่ 1) ด้านการกระจายและฉีดวัคซีน 2) ด้านการสร้างความเชื่อมั่นและประชาสัมพันธ์ 3) ด้านการสนับสนุนระบบอำนวยความสะดวกระบบงานต่าง ๆ และ 4) ด้านการกระจายวัคซีน โดยข้อเสนอในเรื่องของการกระจายวัคซีน ในด้านสถานที่ ทางสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและกรุงเทพมหานครได้จัดเตรียมสถานที่จำนวนหลายแห่งไว้รองรับการฉีดวัคซีนให้ประชาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับต่างจังหวัดจะผ่านกลไกของ กรอ. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และภาคเอกชน ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รับไปพิจารณาเร่งรัดจัดทำแผนการจัดหาและการกระจายวัคซีน และร่วมกันในการจัดหาสถานที่กรณีจำเป็น
ในด้านการประชาสัมพันธ์ ทางสภาหอการค้าไทยได้ร่วมกับ Google, Facebook และหน่วยงานประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ในการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และการประชาสัมพันธ์โครงการต่าง ๆ ส่วนด้านการสนับสนุนระบบอำนวยความสะดวก ทางภาคเอกชนมีความยินดีที่จะช่วยเหลือ เรื่องอุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ โดยเฉพาะการเข้าร่วมในระบบหมอพร้อม ซึ่งเป็นระบบที่มีความจำเป็นสำหรับการลงทะเบียนการฉีดวัคซีน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับภาคประชาชนและภาคธุรกิจในอนาคต พร้อมย้ำว่า สถาบันวัคซีนแห่งชาติไม่ได้ปิดกั้นในการนำเข้าวัคซีนของเอกชน โดยเอกชนภาคส่วนใดที่ต้องการนำเข้าวัคซีนก็มีความยินดี และทางสถาบันวัคซีนแห่งชาติก็ได้ให้ข้อมูลอย่างชัดเจนว่าจะสามารถนำเข้าในกรณีเป็น Distribution หรือกรณีเจ้าของวัคซีนเองก็ได้ จะเป็นการเพิ่มความสะดวกและคลายกังวลให้กับภาคเอกชนและประชาชนได้
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย ยังกล่าวว่า นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันภายในปีนี้ ประชาชนคนไทย ผู้ที่มาปฏิบัติงานหรืออาศัยอยู่ในประเทศไทย จะได้รับการฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน ขณะนี้รัฐบาลสามารถจัดหาวัคซีนได้ถึง 1 ล้านโดส ที่จะครอบคลุม 70% ของจำนวนประชากร ขณะเดียวกันภาคเอกชนมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนการทำงานร่วมภาครัฐบาล ถือป็นนิมิตหมายที่ดี โดยความร่วมมือเหล่านี้จะทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้ รวมถึง Phuket Sandbox Model ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ที่ทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถเปิดประเทศได้ในต้นปีหน้า
ขอบคุณ thaigov.go.th
No comments:
Post a Comment