นายสมมาตร วิสุทธิวงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.ประชาธิปัตย์ เขต 1 สุพรรณบุรี โร่ขึ้นโรงพักแจ้งความ หลังโดนมือบอนพังป้ายหาเสียง เหตุเกิดที่ตำบลสวนแตง ระบุขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เผย”สมมาตร”เป็นคนหนุ่มไฟแรง ที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองสถานเอกอัคราชทูตสหรัฐยังเคยเข้าพบแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
เมื่อบ่ายวันที่ 6 เมษายน 2566 นายสมมาตร วิสุทธิวงษ์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 สุพรรณบุรี เบอร์ 3 พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ รตท.ธรรมชัช ไพบูลย์ผล รองสว.สอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี ขอให้ตำรวจดำเนินคดีจนถึงที่สุดกับคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดที่ได้มารื้อถอนป้ายหาเสียงของนายสมมาตร จำนวน 1 ป้ายทำให้ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่ แยกดอนแจง ต.สวนแตง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี และในอีกหลายจุดบนถนนมาลัยแมน โดนยกทิ้งทั้งป้าย ซึ่งพนักงานสอบสวนรับคำร้องทุกข์ไว้ตามกฎหมายแล้ว จะได้ทำการสอบสวนต่อไป เบื้องต้นได้ลงไปตรวจสอบในพื้นที่ตามที่มีการแจ้งความไว้แล้ว
สำหรับ นายสมมาตร วิสุทธิวงษ์ ผู้สมัครส.ส.เขต1จังหวัดสุพรรณบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าเป็นคนหนุ่มไฟแรง ก่อนหน้านี้ ได้ให้การต้อนรับและสนทนากับ นางรีเบ็คก้า ฮันเตอร์ รองที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทยและคณะในประเด็นการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งส.ส. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม รวมทั้งเรื่องสภาเศรษฐกิจและสังคม ของจังหวัดสุพรรณบุรี
โดย นายสมมาตร ได้แลกเปลี่ยนความเห็นและว่า จากการลงพื้นที่ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาโดยนำบทบาทการเป็นคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงพาณิชย์ ที่อยู่ในการดูแลของพรรคประชาธิปัตย์มาขับเคลื่อนช่วยเหลือประชาชน โดยในช่วงสถานการณ์โควิด19 ประสานนำรถฉีดพ่นฆ่าเชื้อโควิดจากกรมปศุสัตว์มาฉีดให้บริการตลอดระยะเวลาที่โควิดระบาด นำรถแบคโฮจากกรมชลประทานมาช่วยกำจัดวัชพืชในคู่คลองให้เข้าถึงการใช้น้ำที่สะอาด เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่มาสูบระบายน้ำในพื้นที่แปลงนาเกษตรกรให้สามารถเพาะปลูกได้ ช่วยปลูกซ่อมแซมบ้านผู้สูงอายุพิการกลุ่มเปราะบางอย่างต่อเนื่องนับ 100 หลัง
ทั้งนี้ พบว่าจังหวัดสุพรรณบุรียังมี ความเหลื่อมล้ำในด้านคุณภาพชีวิต มีครอบครัวเปราะบางสูงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ระดับรายได้เฉลี่ยครัวเรือนต่อเดือนยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำยังไม่พ้นเกณฑ์เส้นความยากจนเมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดกาญจนบุรีและราชบุรีทีมีสัดส่วนพื้นที่ประชากรใกล้เคียงกัน ประชาชนยังไม่สามารถเข้าถึงกลไกภาครัฐได้อย่างเต็มที่ เพราะสุพรรณบุรีมีพื้นที่ทำการเกษตรทั้งสิ้น 3.3 ล้านไร่แบ่งเป็นพื้นที่ทำนาประมาณ1.3ล้านไร่โดยประมาณ34% ซึ่งยังคงประสบปัญหาการเข้าถึงทรัพยากรน้ำ แทบทุกปีเมื่อเมื่อถึงฤดูฝน เขตอำเภอเมืองและอำเภอบางปลาม้า สองพี่น้องประสบภาวะน้ำท่วม เมื่อหมดฝนก็จะแล้งทันที ไม่สามารถบริหารจัดการเก็บกักน้ำไว้ใช้ วนเวียนเช่นนี้จนชาวบ้านหมดความหวังกับนักการเมืองหน้าเดิมๆ ขาดการส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชทางเลือกอื่นอย่างจริงจัง รายได้ลดลง บวกกับสุพรรณบุรีเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ สูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ย ประเทศที่26% รวมทั้งยังมีผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส อีกจำนวนหนึ่ง ที่ภาครัฐจะต้องช่วยเหลือดูแลอย่างจริงจังต่อไป
ในขณะที่นางรีเบคก้า ฮันเตอร์ คาดหวังให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม
No comments:
Post a Comment