สทป. ส่งมอบหุ่นยนต์ “D–EMPIR CARE” สนับสนุนทีมแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ - Siam Highlight

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Responsive Ads Here

Saturday, November 6, 2021

สทป. ส่งมอบหุ่นยนต์ “D–EMPIR CARE” สนับสนุนทีมแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์

    สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ(สทป.) ส่งมอบหุ่นยนต์ให้บริการทางการแพทย์ (D–EMPIR CARE) จำนวน 2 ระบบเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ โดย พลอากาศเอก ดร.ปรีชา ประดับมุข ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เป็นประธานในการส่งมอบหุ่นยนต์ รุ่น D-EMPIR CARE และมีนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์เป็นผู้รับมอบ ณ กรมราชทัณฑ์ เมื่อไม่นานมานี้ 


    ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ในปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยในประเทศรวมถึงผู้ป่วยในทัณฑสถานเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ประเทศไทยประสบกับปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่สนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย


    ดังนั้น สทป. จึงได้นำหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD Robot) รุ่น D-EMPIRV.2.1 ที่ได้ส่งมอบให้กับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน. ภาค 4 สน.) นำไปทดลองใช้งานแล้วนั้น มาดัดแปลงและปรับปรุงเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ โดยการนำองค์ความรู้ที่เกิดจากงานวิจัยทางทหารมาสร้างประโยชน์ให้เป็นเทคโนโลยีสองทาง (Dual use) ที่สามารถประยุกต์ใช้กับภาคพลเรือนได้ จึงทำให้เกิดเป็นหุ่นยนต์ รุ่น “D-EMPIR CARE” ขึ้น


 

     สำหรับหุ่นยนต์รุ่น D-EMPIR CARE ที่ สทป. ได้ออกแบบขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ สามารถสั่งการได้แบบไร้สายระยะไกล ใช้สำหรับบรรทุกอาหาร ยา เวชภัณฑ์สิ่งของเพื่อส่งให้ผู้ป่วย พร้อมทั้งติดตั้งกล้อง ไมโครโฟน รวมถึงจอมอนิเตอร์ โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วย เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งหุ่นยนต์ รุ่น D-EMPIR CARE ที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นจากหุ่นยนต์ รุ่น D-EMPIR V.2.1 เคยถูกนำไปทดลองใช้งานแล้วในโรงพยาบาลสนามภายใต้ความรับผิดชอบของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าและโรงพยาบาลบุษราคัม


   การใช้งานหุ่นยนต์ D-EMPIR CARE นั้นสามารถสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความสะดวก ความปลอดภัย และลดความเสี่ยงของบุคลากรทางการแพทย์ที่จะต้องสัมผัสใกล้ชิดและยังสามารถรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที


    หุ่นยนต์ D-EMPIR CARE มีคุณสมบัติที่สำคัญ ดังนี้ ระบบขับเคลื่อนด้วยล้อสายพาน สามารถข้ามสิ่งกีดขวาง เช่น สายไฟ รองเท้า หิน หรือท่อนไม้ได้, มีกล้องดิจิทัลความคมชัดแบบ Full HDและเซอร์โวมอเตอร์ที่ทำให้สามารถควบคุมและหันกล้องไปในทิศทางที่ต้องการได้, มีหน้าจอแบบ HDMI ลำโพงและไมโครโฟนสสำหรับการสนทนาพูดคุยผ่าน VDO Call, มีชั้นวางที่สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 20 กิโลกรัม, สามารถสื่อสารได้แบบ 5G และควบคุมระยะไกลได้ทุกที่ที่มีสัญญาณโทรศัพท์ และใช้งานได้ไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง


    
พลอากาศเอก ดร.ปรีชา กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทาง สทป. เล็งเห็นว่าบุคลากรทางการแพทย์มีความสำคัญต่อสถานการณ์นี้เป็นอย่างมาก จึงมุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่มีอยู่เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและสร้างความปลอดภัยให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ช่วยลดความเสี่ยงในการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย โดยการนำหุ่นยนต์ รุ่น “D-EMPIR V.2.1” ภายใต้โครงการวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิดที่ใช้ทางการทหารมาสร้างประโยชน์ให้เป็นเทคโนโลยีสองทาง (Dual use) มาปรับปรุงและพัฒนาหุ่นยนต์ในชื่อ รุ่น D-EMPIR CARE ที่ใช้ในโรงพยาบาลสนาม ภายใต้ความรับผิดชอบของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าและโรงพยาบาลบุษราคัม โดย สทป. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหุ่นยนต์ดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อบุคลากรทางการแพทย์ และสร้างความปลอดภัยให้กับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ได้อย่างสูงสุด


    “หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ให้บริการทางการแพทย์ (D–EMPIR CARE)ของ สทป. นั้น จะเป็นนวัตกรรมที่สามารถสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ได้เป็นอย่างดียิ่ง และทาง สทป. จะไม่หยุดยั้งการพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ให้บริการทางการแพทย์เพียงเท่านี้ แต่จะนำองค์ความรู้มาสร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ สทป. มีอยู่เพื่อพัฒนาต่อยอดช่วยเหลือและสนับสนุนหน่วยงานทางการแพทย์ต่อไป เพื่อเป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพความพร้อมในการสร้างความมั่นคงให้กับประเทศและสร้างความปลอดภัยให้กับประชาสังคมโดยรวม เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม (Value-Based Economy) สู่อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ สร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยในอนาคตอีกด้วย” พลอากาศเอก ดร.ปรีชา กล่าวทิ้งท้าย

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad

Responsive Ads Here

Pages