ขสช.ใต้ จับตา กก.ศึกษาผลกระทบเพิ่มเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ - Siam Highlight

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Responsive Ads Here

Tuesday, February 27, 2024

ขสช.ใต้ จับตา กก.ศึกษาผลกระทบเพิ่มเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์


    
ย้ำต้องเป็นกลาง รับฟังทุกฝ่าย ตอบคำถามชัดเจน อัดธุรกิจน้ำเมา มองด้านเดียวอ้างกระตุ้นเศรษฐิจไทย แท้จริงแค่เอื้อประโยชน์ตัวเองล้วนๆ


    นายเจกะพันธ์ พรมมงคล ผู้ประสานงานขบวนการสร้างเสริมสุขภาพประชาชนภาคใต้ กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ มีมติไม่พิจารณาข้อเสนอในการขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่มอบหมายให้ตั้งคณะทำงานศึกษาความเป็นไปได้ผลดีผลเสียอย่างรอบด้านก่อนจะนำมาตัดสินใจอีกครั้งนั้น ถือว่ายังพอมีความเป็นเหตุเป็นผล ไม่ดันทุรังจนเกินไป ถือว่ามาถูกทาง และพอรับฟังได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือองค์ประกอบของคณะศึกษา ซึ่งต้องมีความเป็นกลาง เชื่อถือได้ เปิดกว้าง สร้างการมีส่วนร่วม ไม่ใช่การศึกษาที่เป็นไปตามที่รัฐบาลตั้งธงไว้ แต่สิ่งที่ต้องมีคำตอบชัดเจนคือ 1.การกระตุ้นและความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ 2.การเข้ามาของนักท่องเที่ยวจากมาตรการนี้ 3.ผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งระบบ 4.มาตรการภาครัฐเพื่อป้องกัน และลดปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

    “เครือข่ายจะติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะตอนนี้ข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ปฏิเสธไม่ได้คือในกรุงเทพ ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี ในเดือนมกราคม 2567 มีคนตายจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับเทียบกับเดือนมกราคม 2566 สูงขึ้นเฉลี่ยกว่า 30 %” นายเจกะพันธ์ กล่าว

    นายเจกะพันธ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้พบกลุ่มผู้ประกอบการ ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกมาตอบโต้มติของคณะกรรมการนโยบายฯ โดยอ้างว่าการยกเลิกเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วงบ่ายจะเป็นผลดีต่อการท่องเที่ยว เพราะการกินดื่มคือหัวใจสำคัญ ทำให้การท่องเที่ยวไทยสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ซึ่งในประเด็นนี้เครือข่ายฯ มองว่าเป็นมุมมองด้านเดียว อีกทั้งยังไม่มีผลสำรวจใดหรือข้อมูล งานวิจัยใดที่ชี้ว่านักท่องเที่ยวมาประเทศไทยเพราะต้องการดื่มสุรา และคงเป็นเรื่องแปลกที่ประเทศไทยจะเอาเรื่องนี้เป็นจุดขาย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอาจจะกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่บ้าง แต่ในทางกลับกันผลกระทบที่เกิดจากการดื่มสุราก็มากขึ้นด้วย ทั้งอุบัติเหตุ ความรุนแรง ทะเลาะวิวาทและการคุกคามทางเพศ เป็นต้น เหมือนที่เกิดขึ้นในหลายประเทศที่เพิ่มเวลาการขายเหล้า

    “คำว่าการกินดื่มได้เต็มที่ไม่ควรใช้กับสินค้าที่มีคุณสมบัติทำลายสติ เพราะผลที่ตามมาจากความไม่พอดี คือพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบต่อผู้อื่นด้วยการขาดสติ ดังนั้นสิ่งที่ผู้ขายสุราควรตระหนักคือการปฏิบัติตามกฎหมายให้เป็นจริง ทั้งการไม่ขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ไม่ส่งเสริมการขายลดแลกแจกแถม รวมถึงการไม่ขายให้คนเมาครองสติไม่ได้ ตรงนี้ทำไมไม่ค่อยพูดถึงหรือไม่ได้ทำ เพราะทั้งหมดนี้คือความรับผิดชอบของผู้ประกอบการทั้งสิ้น ส่วนนักท่องเที่ยวโดยธรรมชาติเขาต้องปรับตัวให้เข้ากับกติกาและบริบทของประเทศที่ไปอยู่แล้ว ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวคือเรื่องที่รัฐต้องใส่ใจมากกว่านี้” นายเจกะพันธ์ กล่าว

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad

Responsive Ads Here

Pages