นักวิชาการหนุนคลัง ปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ 2564 ย้ำทุกฝ่ายต้องได้ประโยชน์ - Siam Highlight

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Responsive Ads Here

Wednesday, January 6, 2021

นักวิชาการหนุนคลัง ปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ 2564 ย้ำทุกฝ่ายต้องได้ประโยชน์


    นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์หนุนกระทรวงการคลังและกรมสรรพสามิตเร่งศึกษานโยบายภาษีสรรพสามิตบุหรี่ที่เหมาะสม หลังเห็นปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ชี้โครงสร้างภาษีใหม่ควรตอบโจทย์ทั้งเรื่องรายได้รัฐ ชาวไร่ยาสูบ สาธารณสุข และการแข่งขันในตลาด รวมทั้งไม่ส่งผลต่อการค้าบุหรี่เถื่อน

    จากกรณีตัวแทนภาคียาสูบแห่งประเทศไทยเข้าพบนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อติดตามทวงถามเรื่องเงินชดเชยและความคืบหน้าการแก้ปัญหาชาวไร่ยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีบุหรี่ เมื่อเดือนกันยายน 2560 และได้เปิดเผยว่ากรมสรรพสามิตและกระทรวงการคลังกำลังเร่งปรับโครงสร้างภาษียาสูบ โดยจะมีความชัดเจนภายในมีนาคม 2564 นั้น

    ผู้สื่อข่าวได้สอบถามความคิดเห็นในประเด็นนี้จากนักวิชาการที่เคยร่วมเสวนาในงานสัมมนาหัวข้อ “มาตรการภาษียาเส้นเพื่อลดการบริโภคยาสูบให้ได้ตามเป้าหมาย”  

    รองศาสตราจารย์ ดร.นงนุช ตันติสันติวงศ์ อดีตหัวหน้ากลุ่มวิจัยสาขาการเงินและการบัญชี มหาวิทยาลัย Nottingham Trent สหราชอาณาจักร ให้ความเห็นว่า“การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตสำหรับบุหรี่ต้องให้บรรลุเป้าหมายในการลดจำนวนนักสูบ โดยขจัดโอกาสที่นักสูบจะเปลี่ยนจากบุหรี่ราคาแพงไปสินค้าทดแทนราคาถูก เช่น ยาเส้น เพราะไม่เช่นนั้นแม้รัฐจะเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้นก็อาจทำให้จำนวนนักสูบลดลงมากเท่าที่ควร และรายได้ภาษีของรัฐบาลก็ไม่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การใช้ภาษี 2 อัตรานั้นเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการแข่งขันกันลดราคาเพื่อเสียภาษีในอัตราที่ถูกกว่าดังนั้น โครงสร้างภาษีบุหรี่สุดท้ายยังไงก็ต้องปรับเป็นอัตราเดียว ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลที่แนะนำโดยองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ เช่น ธนาคารโลกและองค์การอนามัยโลก เป็นต้น แต่จะไปสู่อัตราเดียวยังไง เมื่อไหร่ กระทรวงการคลังคงต้องพิจารณาหาจุดสมดุลระหว่างกำลังซื้อของผู้บริโภค ราคาของบุหรี่ และราคาสินค้าทดแทนที่มีอันตรายเท่ากันกับบุหรี่”

    “การขึ้นภาษีบุหรี่เป็นเรื่องที่ควรทำเมื่อมองในมุมด้านสุขภาพแต่ในช่วงวิกฤตโควิด-19 การปรับเปลี่ยนอัตราภาษีต้องคำนึงถึงรายได้ของเกษตรกรยาสูบด้วยรวมทั้งพิจารณาใช้ตัวเลขทางเศรษฐกิจ เช่น อัตราเงินเฟ้อเป็นตัวกำหนดอย่างที่เป็นหลักปฏิบัติในสหราชอาณาจักรและประเทศนิวซีแลนด์”

    ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.ภัทรกิตติ์ เนตินิยมหัวหน้าภาควิชาการเงิน คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ให้ความเห็นว่า “กรอบในการแก้ไขปัญหาของกรมสรรพสามิตนั้นมาถูกทางแล้ว ทุกปัจจัยมีความเชื่อมโยงกันหมด แต่หากมองจากมุมความยุติธรรมของผู้ประกอบการแล้ว กระทรวงการคลังควรพิจารณาการวางแผนระดับภาระภาษี(Tax Incidence)ที่มีความเหมาะสมกับต้นทุนของผู้ประกอบการบุหรี่ถูกกฎหมายในภาวะที่การเติบโตของยอดขายติดลบ แม้แต่การยาสูบแห่งประเทศไทยก็ต้องเผชิญกับยอดขายที่ลดลงประมาณร้อยละ 30ขณะที่กำไรลดลงประมาณร้อยละ 95 เพราะระดับภาระภาษีที่สูงจนเกินไป”

    “ที่ผ่านมารัฐได้ประโยชน์จากภาษียาสูบในฐานะแหล่งรายได้ แต่ด้วยโครงสร้างภาษีบุหรี่ปัจจุบัน ทำให้ผู้ประกอบการมีรายรับสุทธิต่อซองประมาณ1 บาท จากเดิมเกือบ 7 บาท ซึ่งในระยะปานกลางกำไรระดับนี้การยาสูบฯ น่าจะประสบปัญหาฐานะการเงินในอีกไม่นานนัก และในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา ภาระภาษีที่สูงก็ไม่ได้นำมาซึ่งรายได้ภาษีที่เพิ่มขึ้นหรือช่วยให้คนสูบลดลง แต่กลับเป็นการสร้างปัญหาให้กับอุตสาหกรมยาสูบดังนั้น หลักในการพิจารณาโครงสร้างภาษีบุหรี่ง่าย ๆ อีกข้อระดับภาระภาษีต้องไม่สูงเกินไป ซึ่งค่าเฉลี่ยภาระภาษีของประเทศอื่นๆ ที่มีลักษณะทางสังคมและโครงสร้างเศรษฐกิจคล้าย ๆ กัน อยู่ที่ร้อยละ 54แต่ปัจจุบันระดับภาระภาษีบุหรี่ในประเทศไทยสูงที่สุดในแถบเอเชีย คือร้อยละ 78.6” 

    ขณะที่ รองศาสตราจารย์ ดร.อรรถกฤต ปัจฉิมนันท์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าวว่า “มีความจำเป็นต้องขึ้นภาษียาสูบ และย้ำเสมอว่าการขึ้นภาษีควรกระทำโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจและการเมือง ดังนั้น ผมจึงเสนอแนะให้มีการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ 3 ข้อหลัก ได้แก่ 1) การขึ้นภาษีควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ให้สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภค 2) การขึ้นภาษีไม่ควรสร้างภาระภาษีที่สูงจนเกินไป เพราะจะกระทบต่อความยั่งยืนด้านรายได้รัฐและต่ออุตสาหกรรมยาสูบ และ 3) การขึ้นภาษีควรกำหนดเป็นแผนและระยะเวลาที่ชัดเจนในการปิดหรือลดช่องว่างภาษีสำหรับยาสูบประเภทต่างๆ โดยสำหรับบุหรี่จำเป็นต้องค่อย ๆ ยุบอัตราภาษีมูลค่าให้เหลืออัตราเดียวในที่สุด เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และยาเส้นก็ต้องขึ้นภาษีอย่างต่อเนื่องเพื่อลดช่องว่างภาษีให้ได้ในที่สุด”

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad

Responsive Ads Here

Pages